วันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ประวัติส่วนตัว


ชื่อ:  นางสาวนทีทิพย์     นามสกุล:  เสียงใส     ชื่อเล่น:  เปีย
รหัสนักศึกษา 51152792143   ห้อง BC4
เพศ:    หญิง        หมู่เลือด:  O
ส่วนสูง:   150   เซนติเมตร       น้ำหนัก:    45   กิโลกรัม
สัญชาติ:      ไทย                     ศาสนา:  พุทธ
สถานภาพสมรส:  โสด
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์:  kavalovely@hotmail.com    

วันอังคารที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2553

บุคลิกภาพสไตล์ BiZcom


บุคลิกภาพ คือ ภาพของแต่ละบุคคลที่มีในด้านการแต่งกาย ท่วงที กริยา การแสดงออก เพื่อที่ทำให้ผู้เห็นเกิดความประทับใจ น่าคบหา น่าชื่นชม

บุคลิกภาพสไตล์ BiZcom ที่พึ่งประสงค์นั้นจะต้องมีลักษณะ ดังนี้
1. แต่งกายเรียบร้อย ให้เหมาะกับกาลเทศะ
2. กริยา การแสดงออก ควรสุภาพ เหมาะกับสถานการณ์นั้นๆ ที่ประสบอยู่
3. วิธีการพูด ควรพูดไพเราะเพราะจะทำให้คนที่ฟัง จะทำให้ตั้งใจฟัง และจะทำให้มีความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น  ไม่ควรพูดคำหยาบเพราะคำหยาบจะเป็นสิงที่ทำให้คนอื่น มองเราในแง่ลบ
4. การแสดงออกทางอารมณ์ ควรแสดงออกโดยที่เป็นลักษณะสมเหตุสมผลกับความเป็นจริง และก็ต้องเหมาะกับสถานการณ์
5. การสร้างความสัมพันธ์ ทางสังคม โดยจะเน้นไปในด้านสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกัผู้อื่น เพราะคนเราเกิดมาไม่สามารถอยู่ตามลำพังได้
6. การเดิน โดยจะเดินตัวตรง อกผายไหล่ผึ่ง เพื่อจะทำให้เราดูสง่า และการเดินต้องต้องระวังไม่ให้เสียงดังมากเกินไป
7. การมอง เมื่อมองใครควรใช้สายตาสุภาพเรียบร้อย  

ลูกแรดเตรียมพร้อมล่าเหยื่อ

สิ่งที่ได้รับจากการฝึกประสบการณ์วิชาชีพ
ครั้งที่ 1  ประวัติ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
วันที่ 23 มิถุนายน 2553 บรรยายโดย
 อาจารย์ สาระ มีผลกิจ
การที่ได้เข้าฟังบรรยาย เกี่ยวกับประวัติมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตในครั้งนี้ทำให้ได้ความรู้ ที่มาเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยเพิ่มมากขึ้น เช่น ได้รู้ถึง เมื่อก่อนมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตเป็นโรงเรียนมาก่อน ซึ่งจะรับแต่ผู้หญิง  และได้ความรู้ในด้านประวัติศาสตร์ไทยด้วย การฟังบรรยายจึงถือได้ว่าสามารถให้ความรู้ได้เป็นอย่างดี สิ่งที่ได้ไปฟังมานั้นล้วนแต่สามารถนำไปใช้ได้จริง เพราะจะช่วยให้เรารักสถาบันการศึกษาเพิ่มมากขึ้น  รู้สำนึกว่าสิ่งไหนที่ควรทำ และไม่ควรทำ
ครั้งที่ 2 เรื่อง การพัฒนาบุคลิกภาพ และธนาคารความดี
วันที่ 14 กรกฎาคม 2553 บรรยายโดย ผศ. โรจนา ศุขพันธ์
การเข้าร่วมฟังบรรยายในครั้งนี้ จะได้ความรู้เรื่อง การพัฒนาบุคลิกภาพนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากอีกอย่างหนึ่ง ทั้งในเรื่องการแต่งกาย  มารยาททางสังคม ที่เหมาะสมกับกาลเทศะ  ในเรื่องการแต่งกายนั้นก็ต้องดูตั้งแต่เสื้อผ้าจนถึงเครื่องประดับ ควรจะเหมาะสมกับกาลเทศะเหมาะสมกับสถานที่หรือไม่ และบุคลิกภาพนั้นก็สำคัญเพื่อที่จะช่วยให้คนอื่นที่มองเราในแง่ดี มีมารยาททางสังคม เหมาะสมกับการแต่งกาย จึงถือได้ว่าบุคลิกภาพนั้นรวมถึงการแต่งตัวลักษณะทาทางที่เหมาะด้วย
ครั้งที่ 3 เรื่อง การบริหารเงินส่วนบุคคล
วันที่ 28 กรกฎาคม 2553 บรรยายโดย คุณ กษม ภูติจินดานันท์
การเข้าร่วมฟังบรรยายเกี่ยวกับบริหารเงินส่วนบุคคล จะได้ความรู้ในด้านเรื่องการจัดการเรื่องการเงินอาจจะในแต่ละวันว่าเราเอาเงินไปทำอะไรบ้าง และในแต่ละวันมีเงินเก็บ เงินออมบ้างไหม และสิ่งที่ได้ก็ทำให้รู้ถึงว่าการเงินคืออะไร ส่วนบุคคลคืออะไร อาทิเช่น การเงิน คือ พระเจ้า,กระดาษ,ตัวกลางในการแลกเปลี่ยน ส่วนบุคคล คือ ตัวเรา,ครอบครัว,องค์กร  และได้ความรู้ในเรื่องการตั้งเป้าหมายในชีวิตว่าเราควรมีเป้าหมายอย่างไร เพื่อใคร และจะทำให้เป้าหมายที่ตั้งไว้สำเร็จได้อย่างไร และในเรื่องของหนี้สินควรจะจัดการอย่างไรเกี่ยวกับหนี้ที่เกิดขึ้นมา
ครั้งที่ 4 เรื่อง ภาษาไทย
วันที่ 25 สิงหาคม 2553 บรรยายโดย อาจารย์ ปรีชา ร่วงลือ
เข้าไปฟังบรรยายในครั้งนี้ได้ความรู้ในเรื่อง ภาษาไทย ว่าเขียนอย่างไรให้ถูกต้อง และในเรื่องการดู VTR  ในเรื่องการพูดคุยกับนักเรียนนั้น ก็จะทำให้รู้ว่าครูควรพูดอย่างไรกับนักเรียนที่จะทำให้นักเรียนเชื่อฟัง และเคารพ ปฏิบัติตาม เป็นสิ่งที่น่าสนใจมากเกี่ยวกับภาษาไทย เพราะเป็นภาษาที่คนไทยควรเขียนได้ อ่านได้ และภาษาไทยก็เป็นภาษาที่เป็นเอกลักษณ์และน่าอนุรักษ์ไว้  เป็นแบบอย่างต่อไป
ครั้งที่ 5 เรื่อง จรรยาบรรณวิชาชีพกับธรรมะ
วันที่ 1 กันยายน 2553 บรรยายโดย หลวงปู่พุทธะอิสระ และ คุณมนัส ตั้งสุข
เมื่อเข้าไปฟังบรรยายเรื่องจรรยาบรรณวิชาชีพกับธรรมะ ในครั้งนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะสิ่งที่ได้ฟังมานั้นจะเกี่ยวกับ การปลูกป่าที่จะทำให้เป็นเสมือนกับการปลูกสามัญสำนึกให้แก่ชีวิต และยังเป็นการทำบุญอีกรูปแบบหนึ่ง และในเรื่องการบวชนั้นเพราะผู้บวชเป็นผู้ให้ การไหว้ เป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะเสมือนเป็นวิชามนุษย์  การบริหารจัดการเวลาก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะจะทำให้รู้ถึงว่าเราควรทำอะไรบ้าง ในแต่ละวัน สิ่งที่เราทำไปนั้นเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ รวมถึงจิตของมนุษย์เรานั้น แบ่งออกเป็น 4 อย่าง คือ รับ จำ คิด รู้ เพราะฉะนั้นการไปฟังบรรยายเป็นสิ่งที่ให้ความรู้ได้เป็นอย่างดี และจะให้เราสามารถนำไปปรับปรุงใช้ไปในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย